008-Listening test

อ่านๆเขียนๆมาหลายบล็อกแล้ว กลัวจะเบื่อกันเลยลองเอา listening มาให้ฝึกฟังดูค่ะ

เรื่องนี้เป็นการเล่าเกี่ยวกับ "อัคควาบา ซอส" (ซอสอะไรก็ไม่รู้ เท่าที่ฟังคร่าวๆ เค้าว่ามันวิเศษมากเลย) ลองฟังแล้วก็เขียนคำตอบดูค่ะ




คำถามอยู่นี่ค่ะ



++++++++++++++++++++++++++++++++

ตามด้วยเฉลยของคราวที่แล้วค่ะ



++++++++++++++++++++++++++++++++

แล้วพบกันใหม่ค่ะ

007-Remote Hotels

ลองไปพักโรงแรมเหล่านี้กันมั่งมั้ยคะ


(มองรูปไม่ชัดเพราะเล็กไป คลิกขวาแล้วเลือก Open link in new window ได้เลยค่ะ)







++++++++++++++++++++++++++++++

ตามด้วยเฉลยของครั้งที่แล้วค่ะ
เรียงแบบฝึกหัดลงไปเลยนะคะ

006-Adjectives

ผ่านมา 5 ตอน บางคนอาจจะบอกว่าแบบฝึกหัดง่ายไป ไม่เป็นไร วันนี้ขอปล่อยของซะหน่อย ลองวัดความรู้ระดับ advance กันไปเลย อิอิ (คนเขียนก็ไม่รู้คำศัพท์ส่วนใหญ่เหมือนกัน)

แบบฝึกหัดทั้งหมดวันนี้ จะเกี่ยวข้องกับคำคุณศัพท์ หรือ adjectives นั่นเอง มาเริ่มที่แบบฝึกหัดแรกได้เลยย
(มองรูปไม่ชัดเพราะเล็กไป คลิกขวาแล้วเลือก Open link in new window ได้เลยค่ะ)







แบบฝึกหัดที่ 2 ค่ะ อ่านแล้วเลือกคำจากแบบฝึกหัดข้างบนมาแทนที่





แบบฝึกหัดที่ 3 ลองเติม prefix ดูค่ะ ให้ได้ความหมายตรงข้ามกับคำทางซ้ายมือนะ





แบบฝึกหัดที่ 4 ยากขึ้นมาอีกนิดดด เอาคำท้ายข้อมาเติมในประโยคให้เป็น adjective ที่ถูกต้อง โดยที่บางคำอาจจะต้องใช้ suffix ที่ให้มา หรืออาจต้องใช้ prefix จากแบบฝึกหัดข้างบนค่ะ





แบบฝึกหัดสุดท้าย เลือกคำที่อยู่ทางขวามือมาเติมในช่องว่าง อย่าลืมเปลี่ยนรูปคำเป็น adjective ด้วยนะคะ



+++++++++++++++++
ยากไปหรือเปล่า ยังงัยก็ลองทำกันดูนะคะ เดี๋ยวมาเฉลยครั้งหน้าเหมือนเดิมค่ะ

แต่ตอนนี้ขอเฉลยของคราวที่แล้วก่อนค่ะ

แบบฝึกหัดที่ 1
1. gentle
2. float
3. carry
4. trained
5. power
6. voice
7. instructions

แบบฝึกหัดที่ 2
1. d
2. a
3. b
4. c
5. f
6. e

แบบฝึกหัดที่ 3
1. Elefants > Elephants
phorests > forests
2. geografy > geography
3. elefant's > elephants
phunny > funny
4. fhoto > photo
nefew > nephew
elefant > elephant
5. fone > phone
elefants > elephants
6. elepant > elephant
orfan > orphan
phather > father
7. biografy > biography
liphe > life
phantastic > fantastic
8. phriend > friend
Filadelfia > Philadelphia

005-Thai Elephants

ช้างไทย (ที่ไม่ใช่เบียร์) ดังไกลทั่วโลกเหมือนกันนะเนี่ย มีบทความในหนังสือด้วย
ลองอ่านแล้วทำแบบฝึกหัดดูค่ะ

(มองรูปไม่ชัดเพราะเล็กไป คลิกขวาแล้วเลือก Open link in new window ได้เลยค่ะ)






บล็อกนี้มี 3 แบบฝึกหัดค่ะ










เฉลยครั้งต่อไปนะคะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ต่อด้วยเฉลยของคราวที่แล้วค่ะ

004-Reading signs

วันนี้อยู่ๆก็นึกถึง snapshots ของหนังสือพิมพ์ USA Today ขึ้นมา เลยลองไปหาดูค่ะ

snapshot คืออะไร... มันก็คือสถิติในเรื่องราวต่างๆ โดยทำเป็นรูป หรือ chart ต่างๆให้ดูง่าย ซึ่งก็คือ poll นั่นเอง

อย่างเช่นช่วงนี้ ที่อมริกากำลังสนใจเรื่องการหาเสียงของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ก็ลง snapshot ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย มาลองดูกัน



คนที่กำลังเรียนภาษาอังกฤษ แต่ว่าไม่ค่อยชอบอ่านเรื่องยาวๆสักเท่าไร (แบบเราเป็นต้น)ก็ลองอ่าน snapshots ดูค่ะ อ่านง่าย เข้าใจง่ายด้วย

ใครอยากเข้าไปดู snapshots ประจำวัน ลองคลิกไปที่ http://www.usatoday.com/news/snapshot.htm ดูค่ะ

สำหรับบล็อกนี้ เราจะเอา snapshot มาลง 1 อัน เพราะถูกใจข้อความตอนท้ายซะงั้นล่ะ เป็นเรื่องที่บ้านเราก็คงได้เจอกัน โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถยนต์บนท้องถนนทุกวัน มันอาจจะมีความจำเป็น ที่เราจะต้องเจอ หรือได้รับเกียรติมาคุยกับตำรวจจราจรกันบ้าง ทีนี้ถ้าเราไม่อยากโดนใบสั่ง เราจะทำอย่างไร? ใครมีเทคนิคเจ๋งๆก็บอกกันมั่งนะคะ แต่คนขับรถที่อเมริกาเขาทำอย่างไร ลองมาดูกันค่ะ (ข้อมูลเก่าสักหน่อยนะคะ ตั้งแต่ปี 2001 แล้ว ไม่รู้ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างไรแล้วบ้าง)



ชอบตรงที่ 17% บอกว่า "cry" เนี่ยแหละ ถ้าจำเป็นจะลองเอาไปใช้มั่ง อิอิ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สำหรับแบบฝึกหัดวันนี้ก็ต้องเกี่ยวข้องกะ snapshots สักหน่อย ลองมาทบทวนความรู้สมัยสอบใบขับขี่แล้วกันค่ะ ใครยังไม่เคยสอบจะลองอ่านดูก็ได้ค่ะ

(มองรูปไม่ชัดเพราะเล็กไป คลิกขวาแล้วเลือก Open link in new window ได้เลยค่ะ จะเห็นรูปขนาดเต็มเลย)




แบบฝึกหัดแรกก็ต้องเป็น Regulatory signs เลยค่ะ





ส่วนแบบฝึกหัดที่สองก็คือ Warning signs ค่ะ




แบบสุดท้าย Service and guide signs ไม่มีแบบฝึกหัดนะคะ เพราะแต่ละประเทศคงไม่เหมือนกัน อย่างในอเมริกา ป้ายทางหลวง กับป้ายบอกทางก็จะเป็นแบบนี้






+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คงไม่ยากไปใช่ไหมเอ่ยยย ลองทำดูนะคะ

ส่วนเฉลยคำศัพท์เรื่องอาหารจากคราวที่แล้วอยู่นี่ค่ะ




อีกแบบฝึกหัด เรื่องราคาอาหาร ทั้งหมดรวมแล้วได้ $5.63 ค่ะ ได้เท่ากันหรือเปล่าเอ่ย

order ที่สั่งมีดังนี้ค่ะ
$1.99 cheeseburger
$1.25 large French fries
$0.99 salad
$0.90 medium orange soda
$0.50 coffee

แล้วพบกันใหม่ในโอกาสต่อไปค่ะ

003 The Business week-Short passage

วันนี้ลองมาอ่านข่าวสั้นจากนิตยสาร The business week กันมั่งค่ะ

(มองรูปไม่ชัดเพราะเล็กไป คลิกขวาแล้วเลือก Open link in new window ได้เลยค่ะ จะเห็นรูปขนาดเต็มเลย)

Issue: 7 July 2008



Words I've never known before:
hike (v)= เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
take up (phrv)= เริ่มทำ





Words I've never known before:
vegan (abbv)= vegetarian
humane (adj)= มีมนุษยธรรม
slaughtering (v)= ฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เกือบลืมเฉลยของบล็อกที่แล้วค่ะ

ex.1
1. was cutting / heard
2. burst / recognized
3. was shining / set
4. was driving / flew
5. were you laughing
6. read / called
7. was flying
8. were listening / were explaining

ex.2
1. arrived / learned / had left
2. had lent / came / asked
3. admitted / (had) pushed / had always wanted
4. had lost / took
5. kept / had met
6. told / came / had met
7. didn't reach / had gone
8. fell / had returned
9. had they known / married
10. had sunk / arrived

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ส่วนแบบฝึกหัดวันนี้ เห็นว่าเป็นเรื่องอาหาร เลยเอาคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องมาให้ลองทำดูค่ะ

ลองเติมคำศัพท์ดูค่ะ





ส่วนอันนี้ ลองอ่านบทสนทนาแล้วคำนวณดูว่า ลูกค้ารายนี้ต้องจ่ายเงินเท่าไรคะ
(ดูราคาที่เมนูข้างล่างเลยค่ะ)








(เฉลยคราวหน้าเหมือนเดิมค่ะ)

002 Walkies! (Grammar explanation)

คราวนี้ ก็ขอขยายความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ tense เนื่องจากเป็นการเล่าเรื่องที่ผ่านมา tense ที่ใช้บ่อยๆในเรื่อง Walkies!เท่าที่เห็นก็จะมี

1. simple past tense
2. past perfect
3. past continuous

แล้วมันต่างกันอย่างไรล่ะ ก็ past เหมือนกันทั้งนั้น...เราลองมาดูทีละอย่างดีกว่าค่ะ

1. simple past tense อธิบายสั้นๆว่า The past tense expresses action or linking completed at a specific time in the past.

แปลว่า เราจะใช้ past tense อธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ณ จุดใดจุดหนึ่งของเวลาในอดีต ซึ่งเหตุการณ์นั้นต้องจบไปแล้ว เช่น...

...I asked myself. I didn't have a clue, really...
(ฉันถามตัวเอง[จบ] ฉันไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก[จบ])

2. ส่วน past perfect ก็พูดถึงเหตุการณ์ที่จบไปแล้วเช่นกัน แต่มักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยาวนานกว่า past tense และมักใช้คู่กับ past tense เช่น...

...where I had lived for two years when I was a kid...
(ฉันเคยอยู่ที่นั่น 2 ปีสมัยฉันยังเป็นเด็ก)

3. past continuous ก็คือเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต...เอ๊...ฟังแล้วงงๆไหมคะ ส่วนตัวแล้วเข้าใจว่ามักจะใช้ในการเล่าเรื่อง เพื่อให้เห็นภาพสมจริงว่า ณ ตอนนั้น ฉันกำลัง...เช่น...

...Now I was having my breakfast...

อย่าให้ว่า now หลอกตานะคะ มันคือการเล่าเรื่องในอดีตค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++

อธิบายมาก เดี๋ยวยิ่งงงค่ะ มาลองทำแบบฝึกหัดกันดีกว่า จะได้เก็บไว้ดูเป็นตัวอย่างได้ด้วย

(มองรูปไม่ชัดเพราะเล็กไป คลิกขวาแล้วเลือก Open link in new window ได้เลยค่ะ จะเห็นรูปขนาดเต็มเลย)

1. Put the verbs in brackets into the appropriate form of the Past Simple, Past Continuous Tense.
















2. Put the verbs in brackets into the appropriate form of the Past Simple, Past Perfect Tense.





















สุดท้ายก็ขอเฉลยคำถามจากคราวที่แล้วค่ะ

คำถาม 1
1.true
2.true
3.false
4.true
5.false

คำถาม 2
1 have a clue
2 had taken off
3 had turned up
4 had got word
5 had given in

++++++++++++++++++++++++++++++++++

ป.ล. ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง grammar ถ้าเห็นว่าไม่ถูกต้องตรงไหน ช่วยแก้ไขได้เลยนะคะ ส่วนตัวแล้ว ไม่เก่งภาษาอังกฤษมากมายหรอกค่ะ แค่อยากลงแบบฝึกหัดให้คนที่สนใจค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++

001 'Walkies!'

Very early one morning last June I was sitting outside the railway station at Poole, on the south coast of England. I had arrived on the night train from London half an hour before. Now I was having my breakfast: two of yesterday's British Rail cheese sandwiches and a cup of coffee. It was raining and I was waiting for the train to stop, but it was summer so I knew it would be a long wait ... My sandwiches were getting wet, so I ate them quickly. They tasted like wet cardboard. 'Why am I here? What am I doing in this place?', I asked myself. I didn't have a clue, really. Suddenly my whole plan seemed a bit crazy...

You see, for years I'd had this plan to walk along part of the south coast from Poole, where I had lived for two years when I was a kid, to Land's End, the point furthest west in England. Then six weeks before, in mid-April, I had lost my job in London - I was acting in a play, when the theatre had suddenly gone out of business. Two days later my boyfriend had taken off to work at a theatre in Canada for the summer. I had nothing to do ... then I remembered my plan. It had seemed like quite a good idea at the time.



Some friends had been strangely quick to lend me a tent, some cooking equipment and some money. Then my brother had turned up at my flat one evening with his awful little dog, its food bowl ... and its fleas. He (my brother, that is - not the dog) had got word of my crazy plan to walk along the south coast. 'Please, sis,' he'd said, with that charming smile of his, 'Please take him with you - he already needs a good long walk, you know.' In the end, I'd given in and there I was at Poole station that morning with Fruitcake - that's the name of my brother's dirty, ugly dog. I don't know the fleas' names. We were ready to start on our 480-kilometre walk along the coast to Land's End. I finished my coffee, Fruitcake finished scratching his ears; I stood up and said to him, 'Come on, you horrible little hound. Walkies!'



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อ่านจบแล้ว ลองตอบคำถามง่ายๆดูค่ะ แค่เลือกถูกหรือผิด














ส่วนอันนี้...ลองกลับไปอ่านซ้ำได้ค่ะ หาความหมายที่เหมือนกับคำที่ให้มา











ไม่ยากไปใช่ไหมคะ ลองแชร์คำตอบกับคนอื่นได้นะคะ เดี๋ยวคราวหน้ามาดูกันค่ะ ว่าจะเป็นแบบฝึกหัดอะไร